บุคลิกภาพที่เรียกว่า Empath คืออะไร และทำไมNarcissisit จึงชอบที่จะคบหากับบุคคลที่เรียกว่า Empath...
- Gift Parichat

- 27 ก.ย. 2565
- ยาว 1 นาที
ก่อนอื่นเลย คุณเคยสงสัยไหมว่า ทำไมบางกลุ่มคน จึงมักจะถูกรายล้อมตัวเอง ไปด้วยบุคคลที่มีลักษณะของความเป็นพิษ ความชอบเอาเปรียบ ชอบแข่งขัน ชอบนินทาว่าร้าย และชอบโน้มน้าวจิตใจผู้อื่น ทำให้ต้องรู้สึกอึดอัดใจ หรือรู้สึกผิดเมื่อต้องการจะเป็นตัวของตัวเอง หรือแม้จะพยายามแสดงออกด้วยความเป็นตัวของตัวเอง...
ทำไมบางกลุ่มคนจึงรู้สึกว่า ตนเองมักจะต้องคอยเกรงใจผู้อื่น และมักอยากจะทำทุกอย่างให้ผู้อื่นมีความสุขอยู่เสมอ แต่ทว่าท้ายที่สุดแล้ว บุคคลที่มีบุคลิกลักษณะแบบนี้ ก็อาจจะรู้สึกเหนื่อยใจหรือท้อแท้ใจไปได้โดยง่าย
เพราะฉะนั้น วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกับความหมายของ คำว่า Empath (เอ็มแพท) กันค่ะ
โดยคำว่า Empath นั้น สามารถเรียกแทนลักษณะบุคลิกของกลุ่มคนประเภทหนึ่ง ที่มักจะแสดงลักษณะสำคัญเด่นชัดที่เรียกว่า "ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น" โดยคำว่า Empath นี้ ถือเป็นคำย่อมาจากคำศัพท์ภาษาอังกฤษ คำว่า Empathy ซึ่งมีความหมายว่า ความเห็นอกเห็นใจ...
โดยลักษณะของความเห็นอกเห็นใจนั้น อาจเกิดขึ้นหรือถูกส่งต่อผ่านทางพันธุกรรม รวมถึงรูปแบบวัฒนธรรมการเลี้ยงดูภายในครอบครัว ซึ่งบุคคลที่เรียกว่า Empath นั้น มักจะมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นอยู่เสมอ และมักที่จะต้องการทำให้บุคคลรอบข้างตนมีความสุข บุคคลที่มีลักษณะ Empath มักจะเป็นผู้ที่มีใจเปิดกว้าง และพร้อมที่จะให้โอกาสและให้ความช่วยเหลือ รวมถึงให้ความเห็นใจและพร้อมที่จะให้อภัยผู้อื่นเสมอ...
ดังนั้นเมื่อฟังเช่นนี้ คุณผู้อ่านอาจจะไม่แปลกใจเลยใช่ไหมคะ ที่หลายครั้งหลายครา บุคคลที่มีลักษณะของ Empath กลับต้องรู้สึกว่าตนเองกำลังถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้อื่นอยู่บ่อยๆ เนื่องจากหากบุคคลที่เราต้องพบเจอ ล้วนแล้วแต่เป็น Empath หรือเป็นบุคคลที่พร้อมจะเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และพร้อมที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โลกใบนี้ของเรา ก็คงจะปราศจากปัญหาที่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น การแย่งชิง การลักขโมย การฉ่อโกง ไปเสียแล้ว แต่เนื่องจากว่า โลกของเรานี้ ไม่ได้มีแค่เฉพาะผู้คนที่มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเท่านั้น แต่กับผสมผสาน ปนเปไปด้วยผู้คนที่เป็นพิษ ผู้คนที่คิดร้าย ผู้คนที่อิจฉาริษยาผู้อื่น ผู้ที่คิดแต่จะฉกฉวยโอกาสจากผู้อื่น ผู้คนที่คิดแต่จะได้มาซึ่งการยกยอ ชื่นชมความเก่งของตน หรือความเชื่อว่าตนเองพิเศษ ซึ่งเมื่อฟังดูลักษณะที่ว่าไปข้างต้นนี้ อาจฟังดูคล้ายกับ Narcissist หรือบุคคลที่มีความเป็นโรคหลงตัวเอง ... ซึ่งก็คงไม่น่าแปลกใจเลย ว่าทำไมบุคคลที่เป็น Empath จึงเหมาะที่จะเป็น แม่เหล็กขั้วตรงข้าม ที่บุคคลที่เป็นโรคหลงตัวเอง ชื่นชอบเป็นที่สุด เนื่องจากการคบหากับบุคคลที่มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นอยู่เสมอนั้น จะได้มาซึ่งการได้รับการเติมเต็มความหลงไหลได้ปลื้มในตัวเอง หรืออีโก้ ในตัวเอง ได้ดียิ่งนัก เพราะว่าบุคคลที่เป็น Empath ก็มักพร้อมที่จะทำตามคำสั่ง คำขอร้อง คำอ้อนวอน อยู่โดยง่าย มิหนำซ้ำบุคคลที่มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ก็มักที่จะอยากรับฟัง และคอยชื่นชมผู้อื่นด้วยใจจริงอยู่เสมอ ซึ่งนี่ก็เป็นที่มา ที่ทำให้ Empath ถือเป็นบุคคลที่เหมาะสมที่สุด ที่จะเป็น Narcissisitic supply ให้กับคนที่เป็นโรคหลงตัวเอง หรือนาร์ซิสซิส
เพราะฉะนั้นเมื่อฟังอย่างนี้แล้ว หากคุณผู้อ่านท่านใด เริ่มรู้สึกว่า ตนเองอาจจะมีบุคลิกภาพที่เรียกว่า Empath มันก็ไม่ได้หมายความ คุณจะต้องทนทุกข์ หรืออยู่ร่วมกับบุคคลที่เป็นพิษไปตลอดเสียทีเดียวหรอกนะคะ ทุกๆสิ่งในชีวิตของเรา ไม่มีคำว่าสายหรอกนะคะ หากเราพร้อมที่จะปรับปรุงตัวเองและแก้ไข...
เพราะถ้าจะลองพิจารณาดูให้ดี บุคลิกสำคัญของ Empath นั้นคือความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า Empath นั้นจะเป็นคนอ่อนแอ หรือหัวอ่อน หรือจะต้องถูกล้างสมองให้หลงเชื่ออะไรไปได้โดยง่ายเสียทีเดียว

แต่ทว่า...Empath อาจมีกับดักสำคัญในจิตใจ นั่นคือความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ที่ถ้าหากมีมากเกินไป หรือมีให้ผิดที่ผิดทางและผิดคน ไปหลงมีให้กับบุคคลที่คิดร้าย ความดีในจิตใจของ Empathนี้ ก็อาจถือเป็นหลุมพลางหรือข้อเสียให้กับตนเองได้
ดังนั้น หากคุณกำลังรู้สึกว่าตัวคุณเอง อาจจะเป็น Empath และคุณควรจะต้องทำอย่างไร
หรือคุณควรจะปกป้องตนเองอย่างไร จากบุคคลที่ร้ายๆ
ดิฉันคิดว่า แนวทางในการปฎิบัติตนของคุณ ควรจะต้องเป็นการเพิ่มพูนความรู้เท่าทัน ความรู้ความเข้าใจถึงจุดเด่น จุดด้อย ของตนเอง ให้ดีมากขึ้น...
รวมถึงดิฉันคิดว่า Empath ควรจะต้องหันมาทบทวนถึงความสัมพันธ์ที่คุณมีกับคนรอบข้างดูดีๆ และลองพิจารณาดูว่า บุคคลที่มารายล้อมตัวคุณอยู่นั้น แท้จริงแล้ว พวกเขาต้องการอะไรจากคุณ คุณรู้สึกได้รับอะไรจากความสัมพันธ์ที่คุณมีต่อกันบ้าง หรือคุณรู้สึกต้องคอยทุมเทอะไรไปบ้างในความสัมพันธ์นี้
แน่นอนในการคบหากันนั้น มันไม่ควรจะต้องขึ้นอยู่กับการให้และการรับเพียงเท่านั้น แต่ทว่าหากคุณลองทบทวนดูสักนิดว่า หากในการคบหากับใครสักคน คุณกลับต้องรู้สึกคอยแต่จะเป็นผู้ให้ และหลายครั้งหลายครากลับรู้สึกถูกเอารัดเอาเปรียบอยู่เสมอ มันก็อาจเปรียบได้ เหมือนกับว่า คุณกำลังเติมน้ำในแก้วที่มีรูรั่วอยู่... เพราะไม่ว่าคุณจะเติมเต็มมันเท่าไร มันก็ไม่เคยเพียงพอเลย และที่สำคัญคุณมิได้ เกิดมาบนโลกใบนี้ เพื่อที่จะมีหน้าที่ต้องคอยเติมน้ำให้กับแก้วน้ำของใครๆอยู่เสมอ เพราะคุณอย่าเพิ่งลืมเสียว่า คุณเองก็ต้องการกำลังใจ ต้องการการเติมเต็มให้กับแก้วน้ำของตัวคุณเองด้วยเช่นกัน ดังนั้นหากคุณกำลังรู้สึกว่า คุณกำลังใช้ความเห็นเห็นใจที่คุณมี คอยเติมเต็มผู้อื่นอยู่เสมอ แต่ดูเหมือนบุคคลนั้นๆ กลับไม่มีความเกรงใจ ไม่มีความต้องการจะช่วยเหลือเติมเต็มคุณกลับมาเลย ...บางที มันก็จะอาจถึงเวลาแล้ว ที่คุณจะต้องหยุดคิดและทบทวน และหันมาดูแลและเติมเต็มตัวคุณเองให้ดีเสียก่อน
และแน่นอน ดิฉันอยากให้คุณลองพิจารณาดูว่า ในบางสถานการ์ณนั้น ความเห็นอกเห็นใจของคุณ ก็ควรที่จะได้รับการทะนุถนอมหรือรักษาไว้ เอาไว้มอบให้กับคนที่เขาก็พร้อมที่จะมอบความเห็นอกเห็นใจให้กับคุณเช่นกัน และคุณอาจจะลองพยายามที่จะยืนหยัดและสร้างขีดจำกัดให้กับตนเอง เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องคอยถูกเอารัดเอาเปรียบอยู่ตลอดเวลา
เพราะจะว่าไป บุคคลที่มีลักษณะของโรคหลงตัวเองนั้น เขามีความฉลาดหลักแหลม และเขารู้ตั้งแต่ต้น และพยายามเสาะแสวงว่าหา สิ่งที่เรียกว่า ความเห็นอกเห็นใจนี้จากผู้อื่นอยู่เสมอ โดยอาจจะใช้วิธีทดสอบ อาทิเช่น การฝากให้ฝ่ายตรงข้ามช่วยทำอะไรให้สักเล็กน้อย การขอหยิบยืมสิ่งของเงินทอง เป็นต้น เพื่อที่เขาเหล่านั้น จะได้ทดสอบ level ของความทุ่มเท รวมถึง ขีดจำกัดที่แต่ละคนพึงมี เพราะหาก บุคคลที่เป็น Empath นั้น ยินยอมพร้อมใจช่วยเหลือ แม้ว่าจะต้องรบกวนเวลาของตนเอง บุคคลที่มีลักษณะของโรคหลงตัวเอง ก็จะมั่นใจเป็นแน่แท้ว่า บุคคลคนนี้แหละ ที่จะเป็นบุคคลที่เขาชื่นชอบและพร้อมที่จะได้คอยเกาะจับความเห็นอกเห็นใจนี้ไว้ และจะไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่ายๆเป็นแน่ แต่ทว่าคุณอาจจะลองถามตัวเองดูสิว่า ทำไม...บุคคลที่มีความเป็นโรคหลงตัวเองจึงไม่ลองพยายามช่วยเหลือตัวเองก่อน ตั้งแต่เริ่มแรก ทำไมถึงจะต้องคอยเสาะแสวงหากำลังใจและความช่วยเหลือจากผู้อื่น ทั้งที่ตนเองก็ดูที่จะมีกำลังพอที่จะดูแลตนเองได้...นั้นก็เพราะว่า บุคลิกนิสัยนี้ คือความผิดปกติทางสุขภาพจิตอย่างหนึ่งที่แอบแฝงอยู่ในตัวบุคคลนั้นๆนั่นเอง...
ดังนั้นท้ายสุด หากคุณกำลังรู้สึกว่าคุณคือ Empath ดิฉันก็อยากขอให้คุณพึงระลึกว่า Empath คือบุคคลที่มีความเห็นใจ แต่ไม่ได้เป็นบุคคลที่มีความอ่อนแอ เพียงแค่คุณอาจจะต้องเรียนรู้ที่จะเพิ่มความเข้มแข็งและขีดจำกัดให้กับตนเอง และตัวคุณเองนี่แหละ ที่จะเป็นเจ้าของพลังในการตัดสินใจ...ว่าจะให้ใครเข้ามาเอาเปรียบคุณ หรือขอความช่วยเหลือจากคุณได้มากแค่ไหน
โปรดจงระลึกไว้ว่า...ตัวคุณเท่านั้น คือเจ้าของพลังที่จะตัดสินใจว่าคุณจะช่วยหรือไม่ และช่วยได้แค่ไหน โดยที่จะการช่วยเหลือนั้น จะไม่ทำให้ตัวคุณเองต้องเป็นฝ่ายเดือดร้อนไปเสียเอง
...คุณจงอย่าลืมที่จะใช้ใช้ความเห็นอกเห็นใจของคุณให้ถูกที่และถูกคน เพื่อรักษาสุขภาพใจของคุณให้ไม่ต้องเป็นทุกข์ จากคนที่คอยเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น...
" หากจิตใจของคุณ กำลังบอกความรู้สึกบางอย่าง ว่าให้คุณระมัดระวัง บุคคลใดบุคคลหนึ่ง... โปรดจงรับฟังเสียงของหัวใจนั้น เพราะมันอาจจะกำลังเตือนภัยคุณ เพราะคนเรานั้น รู้หน้า ไม่รู้ใจ..."
ดิฉันขอให้คุณผู้อ่านทุกท่านโชคดี มีความเข้มแข็งในจิตใจค่ะ

้






ความคิดเห็น